ตัวอย่างแรกของการเขียนโปรแกรมด้วย Java จะเป็นตัวอย่างที่เขียนด้วยคำสั่งง่ายๆ คือ โปรแกรมที่แสดงข้อความ “Hello World!” ออกทางจอภาพ ดังตัวอย่างไฟล์ TestJava.java
class TestJava
{
public static void main(String[] args)
{
System.out.println("Hello World!");
}
}
การแสดงผลทางจอภาพ |
คำสั่งที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูลออกทางจอภาพ ได้แก่ 1. คำสั่ง System.out.print() คือคำสั่งในการแสดงข้อความทางจอภาพในบรรทัดที่เคอ เซอร์อยู่โดยไม่มีการขึ้นบรรทัดใหม่ มีรูปแบบการใช้งาน ดังนี้ รูปแบบคำสั่ง System.out.print(String text); System.out.print(int x); System.out.print(char ch); เมื่อ text คือข้อความที่ต้องการแสดงผลทางจอภาพอยู่ในเครื่องหมายคำพูด (“ … ”) x คือตัวเลขที่ต้องการแสดงผลทางจอภาพอยู่ในเครื่องหมายคำพูด (“ … ”) ch คือตัวอักขระที่ต้องการแสดงผลทางจอภาพอยู่ในเครื่องหมาย ‘ และ ’ ตัวอย่างเช่น
System.out.print("Hello World!"); System.out.print(2500); System.out.print(‘A’);
ผลลัพธ์ทางจอภาพ
Hello World!2500A
2. คำสั่ง System.out.println() คือคำสั่งในการแสดงข้อความทางจอภาพแล้วขึ้น บรรทัดใหม่ มีรูปแบบการใช้งาน ดังนี้ รูปแบบคำสั่ง System.out.println(); System.out.println(String text); System.out.println(int x); System.out.println(char ch); เมื่อ text คือข้อความที่ต้องการแสดงผลทางจอภาพอยู่ในเครื่องหมายคำพูด (“ … ”) x คือตัวเลขที่ต้องการแสดงผลทางจอภาพอยู่ในเครื่องหมายคำพูด (“ … ”) ch คือตัวอักขระที่ต้องการแสดงผลทางจอภาพอยู่ในเครื่องหมาย ‘ และ ’ ตัวอย่างเช่น System.out.println("Hello World!"); System.out.println(); System.out.println(2500); System.out.println(‘A’); ผลลัพธ์ทางจอภาพ Hello World! 2500 A กรณีต้องการแสดงข้อความพร้อมกันในคำสั่ง System.out.println() ในครั้งเดียว ให้ใช้เครื่องหมาย + ในการเชื่อมข้อมูล ตัวอย่างเช่น System.out.println("Hello World!"+2500+ ‘A’); System.out.println("Hello World!\n"+2500+ ‘A’); ผลลัพธ์ทางจอภาพ Hello World!2500A Hello World! 2500A
|
1.5 ข้อมูลค่าคงที่
ข้อมูลค่าคงที่คือคำที่ใช้ในการแสดงข้อมูลที่เป็นตัวเลข ตัวอักขระ ข้อความ หรือค่าทางตรรกะ ซึ่งในภาษา Java ได้กำหนดข้อมูลค่าคงที่ไว้ 5 ประเภท ดังนี้
ค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็ม ประกอบด้วยลำดับของตัวเลข ซึ่งสามารถเขียนได้โดยใช้ ระบบจำนวน(Number System) อาทิเช่น ระบบเลขฐานสิบ ฐานแปด และฐานสิบหกค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มฐานสิบแต่ละหลักต้องประกอบด้วยตัวเลข 0 ถึง 9 โดยตัวเลขหลักแรกต้องไม่เป็น 0 และไม่มีเครื่องหมายอื่นๆ เช่น จุลภาค(,) จุดทศนิยม(.) หรือ ช่องว่าง เป็นต้น ตัวอย่างของค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มฐานสิบที่ถูกต้อง ได้แก่ 0 1 123 5482 364820 9994750 ตัวอย่างของค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มฐานสิบที่ไม่ถูกต้อง ได้แก่
12,510 | เป็นค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มที่ผิดเพราะมีเครื่องหมายจุลภาค |
360.52 | เป็นค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มที่ผิดเพราะมีเครื่องหมายจุดทศนิยม |
15 822 | เป็นค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มที่ผิดเพราะมีช่องว่าง |
123-456-789 | เป็นค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มที่ผิดเพราะมีเครื่องหมายลบ |
09001 | เป็นค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มที่ผิดเพราะมีเลข 0 นำหน้า |
ค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มฐานแปดแต่ละหลักต้องประกอบด้วยตัวเลข 0 ถึง 7 โดย ตัวเลขหลักแรกต้องเป็น 0 และไม่มีเครื่องหมายอื่นๆ เช่น จุลภาค(,) จุดทศนิยม(.) หรือ ช่องว่าง เป็นต้น ตัวอย่างของค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มฐานแปดที่ถูกต้อง ได้แก่ 0 01 0123 05472 ตัวอย่างของค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มฐานแปดที่ไม่ถูกต้อง ได้แก่
752 | เป็นค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มที่ผิดเพราะไม่มี 0 นำหน้า |
05281 | เป็นค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มที่ผิดเพราะมีตัวเลข 8 |
0475.510 | เป็นค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มที่ผิดเพราะมีเครื่องหมายจุดทศนิยม (.) |
ค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มฐานสิบหกแต่ละหลักต้องประกอบด้วยตัวเลข 0 ถึง 9 และ ตัวอักษร a ถึง f (ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่) โดยต้องขึ้นต้นด้วย 0x หรือ 0X และไม่มีเครื่องหมายอื่นๆ เช่น จุลภาค(,) จุดทศนิยม(.) หรือ ช่องว่าง เป็นต้น
ตัวอย่างของค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มฐานสิบหกที่ถูกต้อง ได้แก่ 0X 0X1 0x789FF 0xabcd
ตัวอย่างของค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มฐานสิบหกที่ไม่ถูกต้อง ได้แก่
0xDEFG | เป็นค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มที่ผิดเพราะมีตัวอักษร G |
05281 | เป็นค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มที่ผิดเพราะไม่ขึ้นต้นด้วย 0x หรือ 0X |
0X475.10 | เป็นค่าคงที่ตัวเลขจำนวนเต็มที่ผิดเพราะมีเครื่องหมายจุดทศนิยม (.) |
ค่าคงที่ตัวเลขทศนิยม คือตัวเลขทศนิยมฐานสิบ ซึ่งประกอบด้วยตัวเลข 0 ถึง 9 และจุดทศนิยม หรือเลขชี้กำลังที่เขียนอยู่ในรูปแบบของเลขยกกำลัง (Exponential) ตัวอย่างของค่าคงที่ตัวเลขทศนิยมที่ถูกต้อง ได้แก่
0. 1. 0.2 700225.542 50000. 0.000458 12.578 30.E4 25E-8 0.006e-3 1.678E+8 .12345e12
ตัวอย่างของค่าคงที่ตัวเลขทศนิยมที่ไม่ถูกต้อง ได้แก่
1 | เป็นค่าคงที่ตัวเลขทศนิยมที่ผิดเพราะไม่มีจุดทศนิยมหรือเลขชี้กำลัง |
2E+10.2 | เป็นค่าคงที่ตัวเลขทศนิยมที่ผิดเพราะเลขชี้กำลังต้องเป็นเลขจำนวนเต็มเท่านั้น |
12,000.158 | เป็นค่าคงที่ตัวเลขทศนิยมที่ผิดเพราะมีเครื่องหมายจุลภาค |
|
ชนิดข้อมูล (Data Types) |
|
ในการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Java เช่นการประกาศตัวแปร หรือกำหนดค่าข้อมูลต่างๆ ต้องระบุชนิดข้อมูลอย่างชัดเจน โดยชนิดข้อมูลในภาษา Java มี 2 ประเภท คือ 1. ชนิดข้อมูลพื้นฐาน (Primitive Data Type) คือชนิดข้อมูลที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมสำหรับเก็บข้อมูลชนิดต่างๆ ได้แก่ จำนวนเต็ม(Integer) จำนวนทศนิยม(Floating Point) ข้อมูลอักขระ(Character) และข้อมูลตรรกะ (Logical Data) 2. ชนิดข้อมูลแบบอ้างอิง (Reference Data Type) คือชนิดข้อมูลที่มีการอ้างอิงตำแหน่งในหน่วยความจำ ได้แก่ข้อมูลของคลาส เช่น String และข้อมูลแบบอาเรย์ ชนิดข้อมูลพื้นฐานในภาษา Java มีทั้งหมด 8 ชนิดข้อมูลโดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย 1. ชนิดข้อมูลจำนวนเต็ม(Integer) ได้แก่ long, int, short และ byte 2. ชนิดข้อมูลจำนวนทศนิยม(Floating Point) ได้แก่ double และ float 3. ชนิดข้อมูลอักขระ(Character) ได้แก่ char 4. ชนิดข้อมูลตรรกะ (Logical Data) ได้แก่ boolean ชนิดข้อมูลแต่ละประเภทจะมีขนาดและช่วงค่าของข้อมูลแตกต่างกัน และสามารถสรุปประเภทชนิดข้อมูล ขนาดและช่วงค่าของข้อมูล และค่าเริ่มต้น ได้ดังนี้
ประเภท
|
ชนิดข้อมูล
|
ขนาด Size(bit)
|
ช่วงค่าข้อมูล
|
ค่าเริ่มต้น(Default)
|
จำนวนเต็ม
|
long
|
64
|
signed (two's complement) มีค่าอยู่ระหว่าง -9,223,372,036,854,775,808 ถึง 9,223,372,036,854,775,807
|
0L
|
|
int
|
32
|
signed (two's complement) มีค่าอยู่ระหว่าง -2,147,483,648 ถึง 2,147,483,647
|
0
|
|
short
|
16
|
signed (two's complement) มีค่าอยู่ระหว่าง -32,768 ถึง 32,767
|
0
|
|
byte
|
8
|
signed (two's complement) มีค่าอยู่ระหว่าง มีค่าอยู่ระหว่าง -128 ถึง 127
|
0
|
จำนวนทศนิยม
|
double
|
64
|
IEEE 754 มีค่าอยู่ระหว่าง 4.94065645841246544e-324 ถึง1.79769313486231570e+308
|
0.0
|
|
float
|
32
|
IEEE 754 มีค่าอยู่ระหว่าง 1.40129846432481707e-45 ถึง 3.40282346638528860e+38
|
0.0F
|
อักขระ
|
char
|
16
|
Unicode มีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 65,535
|
\u0000
|
ตรรกะ
|
boolean
|
1
|
มีค่าเท่ากับ true หรือ false
|
false
|
ชนิดข้อมูลแบบอื่นๆ
|
String
|
|
|
null
|
2.1 ชนิดข้อมูลจำนวนเต็ม(Integer) ชนิดข้อมูลจำนวนเต็มประกอบด้วย 4 ชนิดได้แก่ long, int, short และ byte เป็นชนิดข้อมูลที่ใช้เก็บข้อมูลตัวเลขจำนวนเต็มในทางคณิตศาสตร์ ช่วงของข้อมูลขึ้นอยู่ขนาดของตัวแปรที่ประกาศ ตัวอย่างเช่น ตัวแปร int จะมีขนาด 32 บิต เก็บข้อมูลได้ -2,147,483,648 ถึง 2,147,483,647 การกำหนดค่าข้อมูลให้กับตัวแปรชนิดข้อมูลจำนวนเต็ม มีดังนี้ 1. เลขฐานสิบคือการเขียนค่าของข้อมูลจำนวนเต็มทั่วไป เช่น 1200 150 -250 เป็นต้น โดยการเขียนจะไม่มีเครื่องหมาย , (Comma) เช่น 25,000 จะต้องเขียนเป็น 25000
2. เลขฐานแปดคือการเขียนค่าของข้อมูลจำนวนเต็มโดยใช้เลขฐานแปด โดยการขึ้นต้นข้อมูลด้วยเลข 0 แล้วตามด้วยเลข 0 ถึง 7 ตัวอย่างเช่น 036 เป็นเลขฐานแปด มีค่าเท่ากับ 30 ในเลขฐานสิบ
3. เลขฐานสิบหกคือการเขียนค่าของข้อมูลจำนวนเต็มโดยใช้เลขฐานสิบหก โดยการขึ้นต้นข้อมูลด้วยเลข 0x หรือ 0X แล้วตามด้วยเลข 0 ถึง 9 และ ตัวอักษร A ถึง F ตัวอย่างเช่น 0XB2 เป็นเลขฐานแปด มีค่าเท่ากับ 178 ในเลขฐานสิบ การประกาศตัวแปรใดๆ ให้เป็นข้อมูลจำนวนเต็มต้องคำนึงถึงขอบเขตของช่วงข้อมูลที่เก็บได้ และต้องกำหนดค่าชนิดข้อมูลในเหมาะสมตรงกับชนิดข้อมูลที่ประกาศตัวแปร ตัวอย่างการประกาศตัวแปรและกำหนดค่าข้อมูลของตัวแปร ดังนี้ long x1 = 100000000000L; เป็นการประกาศตัวแปรชนิด long ชื่อ x1 มีค่าข้อมูลเท่ากับแสนล้าน (100,000,000,000) การประกาศตัวแปร long ต้องต่อท้ายข้อมูลด้วยตัวอักษร L หรือ l เสมอ int x2 = 1000000000; เป็นการประกาศตัวแปรชนิด long ชื่อ x1 มีค่าข้อมูลเท่ากับพันล้าน (1000,000,000) short x31 = 32767; เป็นการประกาศตัวแปรชนิด short ชื่อ x31 เก็บข้อมูลเป็นตัวเลขฐานสิบมีค่าข้อมูลเท่ากับ 32,767 short x32 = 0X7FFF; เป็นการประกาศตัวแปรชนิด short ชื่อ x32 เก็บข้อมูลเป็นตัวเลขฐานสิบหกมีค่าข้อมูลเท่ากับ 32,767 byte x41 = 127; เป็นการประกาศตัวแปรชนิด byte ชื่อ x41 เก็บข้อมูลเป็นตัวเลขฐานสิบมีค่าข้อมูลเท่ากับ 127 byte x42 = 0177; เป็นการประกาศตัวแปรชนิด byte ชื่อ x42 เก็บข้อมูลเป็นตัวเลขฐานสิบแปดมีค่าข้อมูลเท่ากับ 127 2.2 ชนิดข้อมูลจำนวนทศนิยม(Floating Point) ชนิดข้อมูลจำนวนทศนิยม ประกอบด้วยข้อมูลที่เป็นตัวเลขทศนิยม เช่น 1200.578 การเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Java จะประกาศตัวแปรด้วยคำว่า float และ double โดยชนิดข้อมูล float จะเก็บข้อมูล 32 บิตตามมาตรฐาน single precision คือมีส่วนละเอียดของตัวเลขจำนวน 24 บิต และส่วนเลขยกกำลัง 8 บิต และชนิดข้อมูล double จะเก็บข้อมูล 64 บิตตามมาตรฐาน double precision คือมีส่วนละเอียดของตัวเลขจำนวน 53 บิต และส่วนเลขยกกำลัง 11 บิต รูปแบบการตัวเลขทศนิยมมี 2 แบบ ดังนี้ 1. ตัวเลขทศนิยม เป็นการเขียนตัวเลขทศนิมที่มีเครื่องหมายจุดทศนิยม ตัวอย่างเช่น 3.14 เป็นต้น 2. ตัวเลขยกกำลังสิบ เป็นการเขียนตัวเลขทศนิยมอยู่ในรูปเลขยกกำลังสิบ (Exponential Form) โดยใช้ตัวอักษร E หรือ e ระบุจำนวนที่เป็นเลขยกกำลัง เช่น 6.12E12 หรือ 125.03E-5 เป็นต้น ตัวอย่างการประกาศชนิดข้อมูลจำนวนทศนิยม เช่น float f1 = 1234.157f; เป็นการประกาศตัวแปรชนิด float ชื่อ f1 เก็บข้อมูลตัวเลขทศนิมขนาด 32 บิตและต้องใส่ตัวอักษร F หรือ f ต่อท้ายเพื่อระบุว่าเป็นชนิดข้อมูลแบบ float double f2 = 2.18E6; double f3 = 1234.157D; เป็นการประกาศตัวแปรชนิด double ชื่อ f2, f3 เก็บข้อมูลเป้นเลขทศนิยมแบบ 64 บิต โดยใส่ตัวอักษร D หรือ d ต่อท้าย แต่โดยทั่วไปจะไม่นิยมใส่ตัวอักษรต่อท้ายเพราะการเขียนตัวเลขทศนิยมทั่วไปเป็นชนิดข้อมูลแบบ double อยู่แล้ว ตัวอย่างข้อมูลจำนวนทศนิยมที่ถูกต้อง ได้แก่ 123. 456E3 12.5e2 617.0e2F -3.14F 512.0E-12 ตัวอย่างข้อมูลจำนวนทศนิยมที่ไม่ถูกต้อง ได้แก่ 1,234.567 ไม่ถูกต้องเพราะมีเครื่องหมาย , 1.2E50F ไม่ถูกต้องเพราะ ค่าข้อมูลเกินขอบเขตของชนิดข้อมูลแบบ float 2.3 ชนิดข้อมูลอักขระ(Character) ชนิดข้อมูลอักขระจะต้องประกาศตัวแปรด้วยคำว่า char คือการเก็บข้อมูลเป็นตัวอักษร หรืออักขระบนแป้นพิมพ์ได้เพียง 1 ตัวอักขระ ซึ่งในภาษา Java จะเก็บข้อมูลอักขระอยู่ในรูปแบบของรหัสแอสกี (ASCII Code) หรือรูปแบบมาตรฐาน Unicode ขนาด 16 บิต การกำหนดค่าข้อมูลอักขระจะอยู่ในเครื่องหมาย ‘ ’ โดยจะขึ้นต้นด้วยสัญลักษณ์ \u และตามด้วยเลขฐานสิบหก (Hexadecimal Number) โดยมีค่าตั้งแต่ ‘\u0000’ ถึง ‘\uFFFF’ หรือกำหนดค่าข้อมูลอักขระด้วยตัวอักขระบนแป้นพิมพ์ ตัวอย่างเช่น ‘A’, ‘x’, ‘$’ หรือ ‘1’ เป็นต้น ตัวอย่างการประกาศชนิดข้อมูลอักขระ เช่น char grade= ‘A’; char grade= ‘\u0041’; เป็นการประกาศตัวแปรที่มีชื่อว่า grade เป็นชนิดข้อมูลอักขระ มีการกำหนดค่าเริ่มต้นเป็นตัวอักษร A ซึ่งมีค่าเป็นเลขฐานสิบหก คือ 0041 ตัวอักขระพิเศษ หรือ Escape Sequence เป็นการแสดงข้อมูลอักขระบนแป้นพิมพ์ที่ใช้แทนการขึ้นบรรทัดใหม่ หรือ ตัวอักขระพิเศษในการเขียนโปรแกรม
ตัวอักขระพิเศษ
|
รหัส Unicode
|
ความหมาย
|
\b
|
\u000B
| Backspace ลบอักขระตำแหน่งเคอร์เซอร์ |
\t
|
\u0009
| Tab การเว้นช่องว่างตามระยะ |
\n
|
\u000A
| New Line การขึ้นบรรทัดใหม่ |
\r
|
\u000D
| Return การขึ้นบรรทัดใหม่ |
\\
|
\u005C
| Backslash แสดงตัวอักขระ \ |
\‘
|
\u0027
| Single Quote แสดงตัวอักขระ ‘ |
\“
|
\u0022
| Double Quote แสดงตัวอักขระ “ |
2.4 ชนิดข้อมูลตรรกะ (Logical Data) ชนิดข้อมูลตรรกะจะต้องประกาศตัวแปรด้วยคำว่า boolean ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีความจริงเป็นจริง (true) หรือเท็จ (false) ได้เพียง 1 ค่าเท่านั้น ใช้ในการตัดสินใจในเงื่อนไขของคำสั่งควบคุม หรือคำสั่งเกี่ยวกับตรรกะของโปรแกรม ตัวอย่างการประกาศชนิดข้อมูลตรรกะ เช่น boolean flag = false; เป็นการประกาศตัวแปรที่มีชื่อว่า flag เป็นชนิดข้อมูลตรรกะ มีการกำหนดค่าเริ่มต้นเป็น false |
ตัวอย่างโปรแกรมการประกาศและกำหนดค่าของตัวแปรต่างๆ
class Test3 { public static void main(String[] args) { final double PI =3.1419265; int a =0, b=0; float x =0, y=0; char grade='F'; // Assignment variable a = b+2*3; y = 25.5f; x = y / a; grade='B'; // Display variable System.out.println("a ="+a); System.out.println("x="+x); System.out.println("grade="+grade); } |
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น